Thanaplus Life Center

PLASMA1

  • Home
  • PLASMA1
  • ภาษาไทย - Thai

พลาสมาเข้มข้น (Plasma Rich in Growth Factors)

ทางเลือกใหม่ของข้อเสื่อม

เรียบเรียงโดย นพ.วรศิลป์ ชีวอัครพันธุ์, นพ.ธนา ธุระเจน

ข้อเสื่อม: โรคที่ควรรู้และป้องกัน

          ข้อเสื่อมเป็นโรคที่พบได้บ่อยและมีอุบัติการณ์เพิ่มขึ้นตามอายุขัย ปัจจุบันถือว่าเป็นโรคที่มีความสำคัญโดยเฉพาะในประเทศไทยที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างเต็มรูปแบบ โรคข้อเสื่อมมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างเห็นได้ชัดเจน ทั้งทางด้านร่างกายและสภาพจิตใจ สาเหตุของข้อเสื่อมมีทั้งส่วนที่ทราบสาเหตุ เช่น ข้อเสื่อมที่เกิดขึ้นภายหลังจากการได้รับอุบัติเหตุ ข้อเสื่อมที่พบร่วมกับโรคของการอักเสบหรือเยื่อหุ้มข้ออักเสบ และส่วนที่ไม่ทราบสาเหตุซึ่งพบในกลุ่มที่มีการใช้งานมากตามอายุที่เพิ่มขึ้น ผลกระทบตามมาจากข้อเสื่อมได้แก่ กล้ามเนื้อที่ไม่แข็งแรงทำให้มีอาการอ่อนแรง การอักเสบในข้อทำให้มีอาการปวด น้ำเลี้ยงข้อเสียสภาพตามธรรมชาติ และการทำลายกระดูกอ่อนอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีอาการปวดเวลาเดินทั้งทางราบและการเดินขึ้นลงบันได รวมทั้งเกิดการผิดรูปของข้อเข่า

การรักษาโรคข้อเสื่อมในปัจจุบัน

          การรักษาในปัจจุบัน ได้แก่ การรับประทานยา การทำกายภาพบำบัด การฉีดยาเสตียรอยด์ และการฉีดยาน้ำเลี้ยงข้อเทียม ซึ่งมีทั้งแบบฉีดหนึ่งเข็ม สามเข็ม หรือห้าเข็ม โดยฉีดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ซึ่งต้องฉีดทุกๆ 6 เดือน หากการรักษาด้วยวิธีดังกล่าวไม่ได้ผล ผู้ป่วยจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อเข่าเทียม ซึ่งมีทั้งแบบครึ่งข้อ (Unicompartmental Knee Arthroplasty: UKA) หรือแบบเต็มข้อ (Total Knee Arthroplasty: TKA) ขึ้นกับการวินิจฉัยและดุลพินิจของแพทย์ ซึ่งให้ผลการรักษาที่ดีและถือเป็นมาตรฐานการรักษาในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ความคาดหวังของผู้ป่วยโรคข้อเสื่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปเนื่องจากประชากรในปัจจุบันมีอายุยืนยาวขึ้น มีความต้องการออกกำลังกายมากขึ้น ความต้องการรับประทานยาแก้อักเสบน้อยลง ไม่ต้องการฉีดยาเข้าข้อบ่อยครั้ง ต้องการยาที่ออกฤทธิ์ได้นานมากกว่า 6 เดือน และที่สำคัญคือ ต้องการผ่าตัดในกรณีที่จำเป็นและถึงเวลาอันเหมาะสมเท่านั้น

มุมมองแห่งอนาคตในการรักษาด้วยเทคโนโลยีชีวภาพ

          ในโลกปัจจุบันเป็นโลกของการรักษาด้วยเทคโนโลยีชีวภาพชั้นสูง (Advanced biotechnology) การแพทย์มาตรฐานในปัจจุบัน (Conventional medicine) มีแนวโน้มที่จะเปลี่ยนไปเป็นการรักษาสภาพเดิมของร่างกายให้ดีที่สุดและนานที่สุดด้วยการหายตามธรรมชาติ (Regenerative medicine)

          การรักษาข้อเสื่อมโดยวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัย ได้ผลดี มีประสิทธิภาพ จึงถูกพัฒนาขี้นตามลำดับตั้งแต่ พ.ศ. 2556 เป็นต้นมาในประเทศไทย เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ของประสิทธิภาพการรักษาด้วยเซลล์ต้นกำเนิด เกล็ดเลือดเข้มข้นและการกระตุ้นตามธรรมชาติที่เหมาะสม

          ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 การใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นเพื่อใช้ในการรักษาโรคข้อเสื่อมได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยา (FDA) ของประเทศสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ข้อบ่งชี้ของการรักษาด้วยวิธีนี้ มักใช้ในการรักษาข้อเสื่อมระยะต้นซึ่งมักพบในนักกีฬาและผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 55 ปี มีการฉีด 2-4 ครั้ง โดยฉีดทุก 4-6 เดือน หากเป็นข้อเสื่อมระยะกลางและระยะปลาย ผู้ป่วยมักจะได้รับคำแนะนำให้เข้ารับการผ่าตัดข้อเทียมแบบครึ่งข้อ (UKA) หรือแบบเต็มข้อ (TKA) สำหรับปัญหาในประเทศไทย คือ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีลักษณะที่เป็นผู้ป่วยที่อายุมาก ผู้ป่วยมักมาพบแพทย์เมื่อมีข้อเสื่อมในระยะกลางถึงปลาย จึงส่งผลให้มีอัตราการผ่าตัดที่เพิ่มสูงขึ้นในผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าว

พลาสมาเข้มข้นที่อุดมไปด้วยสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Plasma Rich in Growth Factors: PRGF)

          การวิจัยและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2557 จนถึงปัจจุบัน ทำให้ทีมแพทย์สามารถใช้เกล็ดเลือดเข้มข้นชนิดปั่นสามครั้ง (Plasma Rich in Growth Factors) ซึ่งมีจำนวนเกล็ดเลือดที่เข้มข้นมากขึ้น มีปัจจัยที่เพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาโรคข้อเสื่อมได้ในทุกระยะ และใช้ได้ในคนที่อายุมากขึ้น โดยที่ยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องได้รับการผ่าตัด

          พลาสมาเข้มข้นที่อุดมไปด้วยสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Plasma Rich in Growth Factors) คือ พลาสมาเข้มข้นที่อุดมไปด้วยเกล็ดเลือดและสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth Factor) ซึ่งเตรียมขึ้นจากเลือดของผู้ป่วยเอง นำไปผ่านกระบวนการปั่นแบบปลอดเชื้อด้วยอุปกรณ์ที่มีมาตรฐานจำนวน 3 ครั้ง (PRGF-triple spin technique) เพื่อให้ได้พลาสมาซึ่งมีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ1 คือ 1.) เกล็ดเลือด ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของการให้สารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth Factors) โดยความเข้มข้นของเกล็ดเลือดในการรักษาควรมีความเข้มข้นมากกว่าปกติ 5 เท่า 2.) เม็ดเลือดขาวชนิด Monocyte ที่ช่วยลดการอักเสบตามธรรมชาติ ซึ่งในการวิจัยพบว่ามีสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth factors) ในเม็ดเลือดขาวชนิดดังกล่าว 3.) โปรตีนในเลือด ทำหน้าที่เป็นที่อยู่ของสารที่กระตุ้นการเจริญเติบโต (Growth factors) ทำให้เกล็ดเลือดเข้มข้นอยู่ในข้อและออกฤทธิ์ได้นานขึ้น มีส่วนช่วยในการซ่อมแซมและผลิตน้ำเลี้ยงข้อตามธรรมชาติ โดยการฉีด 1-2 ครั้ง ภายใน 6-12 เดือน ซึ่งจะทำให้การรักษาได้ผลดีเป็นระยะเวลา 9-12 เดือน มีงานวิจัยและหลักฐานเชิงประจักษ์รองรับถึงความปลอดภัยในการใช้รักษาโรคข้อเข่าเสื่อม2 ให้ผลการรักษาที่ใกล้เคียงกับการฉีดสเตียรอยด์ใน 2 เดือนแรก และดีกว่าสเตียรอยด์ที่ระยะเวลา 2-12 เดือน3 รวมถึงสามารถช่วยชะลอการผ่าตัดข้อเทียมได้ 76-87.5% (ขึ้นกับระยะความรุนแรงของโรค) ที่ระยะเวลา 2 ปี4 และ 70-80% ที่ระยะเวลา 3 ปี5 ซึ่งผลการวิจัยดังกล่าวได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารนานาชาติ จำนวน 4 ฉบับ ในช่วง พ.ศ. 2561- 2565 ได้รับอนุสิทธิบัตรจำนวน 3 ฉบับ ในปี พ.ศ. 2562 และรางวัลนวัตกรรมจากสมาคมข้อเข่าข้อสะโพกแห่งประเทศไทย (Innovation award, the Thai Hip & Knee Society) ใน พ.ศ. 2564 และรางวัลนักวิจัยผู้ทรงคุณวุฒิยอดเยี่ยม โรงพยาบาลตำรวจ ได้มีการเผยแพร่ความรู้มากกว่า 20 จังหวัดทั่วประเทศไทย ปัจจุบันมีผู้ป่วยได้รับการรักษามากกว่า 2,500 ราย

ข้อบ่งชี้ในการรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นปั่นชนิดสามครั้ง (PRGF-triple spin technique)

  1. ฉีดยาสเตียรอยด์แล้วอาการไม่ดีขึ้น
  2. ฉีดยาน้ำเลี้ยงข้อเทียมแล้วอาการไม่ดีขึ้น
  3. ข้อเข่าเสื่อมระยะที่ 1,2,3 และ ระยะที่ 4 ที่ไม่สามารถรับการผ่าตัดได้
  4. รับประทานยาหรือทำกายภาพบำบัดแล้วอาการไม่ดีขึ้น
  5. ไม่สามารถรับประทานยาได้เนื่องจากมีภาวะแทรกซ้อนจากยา
  6. มีโรคที่รับประทานยาแก้อักเสบไม่ได้ เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคกระเพาะ

ข้อควรหลีกเลี่ยงการรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นชนิดปั่นสามครั้ง (PRGF-triple spin technique)

  1. มีภาวะติดเชื้อ
  2. ผู้ที่เป็นโรคของเกล็ดเลือดต่างๆ
  3. มีอายุต่ำกว่า 16 ปี
  4. มีภาวะตั้งครรภ์
  5. ผู้ป่วยโรคมะเร็งที่อยู่ระหว่างการให้ยาเคมีบำบัด
  6. ข้อเข่าเสื่อมที่ไม่ทราบสาเหตุ
  7. มีพยาธิสภาพของหมอนรองกระดูกฉีกขาดทั้งหมด เส้นเอ็นไขว้เข่าขาดทั้งหมด เศษกระดูกในเข่า

คำแนะนำหลังการรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นชนิดปั่นสามครั้ง (PRGF-triple spin)

  1. 1-2 วันหลังฉีด ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดเข่า แนะนำให้รับประทานยาแก้ปวดตามคำสั่งของแพทย์ และสามารถประคบเย็นทุกๆ 15 นาที เพื่อลดอาการบวมและตึงเข่า
  2. หลังฉีดสามารถเดินหรือทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
  3. วันที่ 3 หลังฉีด ให้เริ่มบริหารข้อเข่าและกล้ามเนื้อขาตามคำแนะนำของทีมแพทย์และพยาบาลอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง
  4. ควรเว้นการออกกำลังกาย 5-7 วัน

ท่าบริหารข้อเข่าและกล้ามเนื้อขา

  1. นั่งตัวตรง นั่งเก้าอี้ประมาณครึ่งเบาะ (เพื่อให้สามารถเหยียดขาได้ตรงในแนวทำมุม 45 องศา)
  2. ยกขาทีละข้าง โดยให้เข่าเหยียดตรง ไม่ต้องกระดกปลายเท้า
  3. เกร็งขาค้างไว้จนครบ 100 วินาที แล้วนำขาลง
  4. เหยียดเข่าอีกข้างขึ้น เกร็งค้างไว้จนครบ 100 วินาที
  5. ทำครบ 2 ข้าง นับเป็นหนึ่งรอบ
  6. ทำเช่นนี้วันละ 3-5 รอบ

ข้อแตกต่างระหว่าง Plasma Rich in Growth Factors และ Platelet-rich Plasma

Plasma Rich in Growth Factors Platelet-Rich Plasma
ความถี่ในการรักษา 1-2 ครั้ง ในระยะเวลา 6-12 เดือน สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ติดต่อกัน 3 - 5 ครั้ง ในระยะเวลา 4-6 เดือน
ความเสื่อมของข้อเข่าที่รับการรักษาได้ ข้อเข่าเสื่อมทุกระยะ* ข้อเข่าเสื่อมระยะเริ่มต้นเท่านั้น
องค์ประกอบ เกล็ดเลือด เม็ดเลือดขาว โปรตีน เกล็ดเลือด
*ผลการรักษาขึ้นกับ อายุ ความรุนแรงของโรค จำนวนครั้งการฉีด steroid การบริหารกล้ามเนื้อสมำเสมอ

คำถามที่พบบ่อย

  1. การเตรียมตัวก่อนการรักษา
         - พักผ่อนให้เพียงพอ
         - งดอาหารทอดและอาหารมันก่อนการเจาะเลือด
         - ในผู้ป่วยที่มีการรับประทานยาต้านเกล็ดเลือด หรือยาป้องกันการแข็งตัวของเลือด ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัว เพื่องดยาดังกล่าวก่อนการเจาะเลือด 3-5 วัน
         - ในผู้ป่วยที่กำลังมีประจำเดือนควรงดการเจาะเลือด
         - ควรเว้นการเจาะเลือด 2 สัปดาห์หลังจากมีการบริจาคเลือดหรือส่วนประกอบของเลือด
  2. ความถี่ของการรักษา
         - ฉีด 1-2 ครั้ง ในระยะ 6-12 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเสื่อมของข้อเข่า และการใช้งาน
  3. สามารถรักษาเข่าทั้งสองข้างพร้อมกันได้หรือไม่
         - สามารถรักษาเข่าทั้งสองข้างพร้อมกันได้ หากมีอาการปวดใกล้เคียงกันในเข่าทั้งสองข้าง
  4. การปฏิบัติตัวหลังจากการรักษา
         - หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่มีการใช้เข่า เช่น การเดินระยะไกล 2-3 วัน
         - หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย 5-7 วัน
  5. ระยะเวลาการเห็นผล
         - อาการปวดควรลดลงภายในระยะเวลา 3 วัน ถึง 3 สัปดาห์
  6. ระยะเวลาในการเตรียมเกล็ดเลือด
         - การเตรียมเกล็ดเลือดใช้ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
  7. ผู้ที่ไม่ควรเข้ารับการรักษา
         - ผู้ป่วยที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปี หรืออยู่ระหว่างการตั้งครรภ์
         - ผู้ป่วยที่มีภาวะความผิดปกติของเกล็ดเลือด
         - ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการให้ยาเคมีบำบัด
         - ผู้ป่วยที่มีภาวะติดเชื้อ มีอาการข้ออักเสบหรือเก๊าท์ที่ยังคุมไม่ได้
  8. สามารถขับรถหลังจากรับการรักษาได้หรือไม่
         - สามารถขับรถได้ในระยะทางใกล้ๆ ทั้งนี้แนะนำให้มีผู้ร่วมเดินทางด้วย
  9. อัตราการผ่าตัดหลังจากรับการรักษาด้วยเกล็ดเลือด
         - การรักษาด้วยเกล็ดเลือดเข้มข้นสามารถลดอัตราการผ่าตัดได้ที่ 70-80% ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความเสื่อมของข้อเข่า
  10. อาการเจ็บปวดหลังการรักษา
         - หากมีอาการปวดเพียงเล็กน้อยสามารถรับประทานยาที่ได้รับไปและประคบเย็นทุกๆ 15 นาที
         - หากมีอาการปวดนานเกินกว่า 2 สัปดาห์ควรปรึกษาแพทย์

เอกสารอ้างอิง

  1. Turajane T, Cheeva-Akrapan V, Saengsirinavin P, Lappaiwong W. Composition of Platelet-Rich Plasma Prepared From Knee Osteoarthritic Patients: Platelets, Leukocytes, and Subtypes of Leukocyte. Cureus 15(3): e36399. DOI 10.7759/cureus.36399
  2. Turajane T, Sriratanavudhi C, Saengsirinavin P, Chaweewannakorn U, Lappaiwong W, Aojanepong J. Safety and clinical efficacy of platelet rich growth factors (prgf) in managing knee osteoarthritis after failed conservative treatment: evidence from real practices. J Southeast Asian Med Res. 2019, 3:1.
  3. Turajane T, Saengsirinavin P, Sriratanavudhi C, Larpaiwong W, Aojanepong J. A prospective, randomized, controlled trial comparing clinical outcomes of intraarticular platelet plasma concentrate and growth factors versus corticosteroid injections in the treatment of knee osteoarthritis. Bank Med J 2021; 17.
  4. Turjane T, Saengsirinavin P, Sriratanavudhi C, Cheeva-akrapan V, Larpaiwong W, Aojanepong J. Outcome of using platelet, plasma and growth factors as an orthobiologic derivative to avoid invasive surgical procedures for treating knee osteoarthritis among elderly patients. J Southeast Asian Med Res 2022, 6
  5. Cheeva-Akrapan V, Turajane T. The 36-Month Survival Analysis of Conservative Treatment Using Platelet-Rich Plasma Enhanced With Injectable Platelet-Rich Fibrin in Patients With Knee Osteoarthritis. Cureus 15(3): e35632. DOI 10.7759/cureus.35632
*ทั้งนี้ผลการรักษาขึ้นกับการวินิจฉัยโรคของแพทย์ และระยะความรุนแรงของพยาธิสภาพโรคนั้นๆ

ปวดเข่า ให้เราดูแล